ตำบลพิมานตามคำเล่าขานนั้น เดิมมีที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว แถวเมืองมหาชัยบ้านนาขาม แขวงคำม้วน หรือเมืองท่าแขก อยู่มาเมื่อปี2297 ได้เกิดศึกฮ้อ ศึกแกว เข้ารุกรานได้มีคนกลุ่มหนึ่งทนการกดขี่ข่มเหงไม่ไหว เลยชวนกันอพยพหนีลงมาตามแม่น้ำโขงโดยใช้เรือเป็นพาหนะเลาะเรื่อยมาจนถึงปากน้ำก่ำไปเรื่อยๆ จนถึงบ้านพิมานท่าเห็นทำเลดีเลยพากันตั้งถิ่นฐานกัน อยู่มาได้ทราบข่าวว่าศึกฮ้อ ศึกแกวได้ถอยทัพกลับ จึงให้นายวันเป็นหัวหน้าพาเพื่อนไปดูและชวนพี่น้องหนีมาอยู่ด้วยเพราะนอกจากปลอดภัยแล้ว พื้นที่ยังอุดมสมบูรณ์มากดังนั้นจึงมีพี่น้องติดตามมาเป็นจำนวนมากแต่การมาครั้งนี้นอกจากจะนำสิ่งของเครื่องใช้ติดตัวมาด้วยแล้วยังอัญเชิญพระพุทธรูปองค์แสนและกลองอีลายมาด้วย
พระองค์แสนพร้อมกลองอีลายมีตำนานเล่าขานกันมาว่าเป็นของศักดิ์สิทธ์มาก ในสมัยการสู้รบจะต้องใช้หอกดาบเข้าห้ำหั่นกันโดยมีฆ้องกลองประโคมเป็นการศึก ดังนั้นถ้าใครได้มีโอกาสได้กราบพระองค์แสนแล้วออกสู้รบจะปลอดภัยกลับมาทุกครั้งไป โดยเฉพาะถ้าออกศึกเอากลองอีลายไปด้วยจะชนะศึกกลับมาทุกครั้งไป การตั้งถิ่นฐานในบ้านพิมานท่านั้นมีอุปสรรค์ในการครองชีพคือฤดูฝนน้ำจะท่วมจึงอพยพขึ้นมาอยู่ที่บ้านพิมานปัจจุบันในการอพยพนั้นได้อัญเชิญพระองค์แสนและกลองอีลายมาด้วย ขณะที่เดินใกล้ถึงวัดศรีชมชื่นนั้น ได้เกิดปรากฏการณ์ขึ้นคือแดดร้อนจัดทั่วบริเวณทั้งๆที่ตรงนั้นเป็นป่าทึบจนไม่สามารถเดินทางต่อไปไหว ซึ่งที่ตรงนั้นได้มีต้นไม้ต้นหนึ่งที่แผ่กิ่งก้านสาขามีร่มเงาผู้คนจึงเข้าไปอาศัยอยู่ไต้ต้นไม้นั้น ผู้เป็นหัวหน้าจึงทำการบริกรรมทางไสยศาสตร์ว่า ถ้าหากพระองค์แสนและกลองอีลายจะประดิษฐ์สถานอยู่บริเวณนี้ และลูกหลานได้อาศัยอยู่บริเวณนี้จะอยู่เย็นเป็นสุข สมบูรณ์ไปด้วยพืชพรรณธัญญาหาร พอพูดเสร็จเหตุการณ์ต่างๆ จึงกลับเข้าสู่ปกติและได้ตั้งถิ่นฐานอยู่ตรงนั้นและเรียกชื่อบ้านว่า” บ้านพิมาน” ตามชื่อต้นไม้ที่ได้หลบแดด และตั้งวัดชื่อ “วัดศรีชมชื่น” และปัจจุบันพระองค์แสนและกลองอีลายก็ประดิษฐ์สถานอยู่ที่วัดศรีชมชื่น บ้านพิมานหมู่ที่ 3 ตำบลพิมาน อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม